มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (อังกฤษ: มหาวิทยาลัยเชียงใหม่; ตัวย่อ: CMU – CMU) เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกในภูมิภาคและเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งที่ 6 ในประเทศไทย[6] ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2507[7] บริเวณเชิงดอยสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบัน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มีสถานะเป็นมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2551[8]

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เปิดสอนและวิจัยด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเกษตร สังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ ใน 21 คณะ 3 วิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย 1 แห่ง และสถาบัน 8 แห่ง[9] โดยมีหลักสูตร 340 หลักสูตรสำหรับนักศึกษาในแต่ละคณะ หลักสูตรแบ่งออกเป็น หลักสูตรปกติ หลักสูตรพิเศษ หลักสูตรต่อเนื่องนานาชาติ และ หลักสูตรเฉพาะทางทั่วไป หลักสูตรปริญญาโท แบ่งออกเป็น 2 แผน คือ แผน ก และ แผน ข และหลักสูตรปริญญาเอก แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แผน 1 เป็นการฝึกอบรมเชิงวิจัย ที่สร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ และแบบที่ 2 คือ การศึกษาที่เน้นการวิจัยโดยจัดทำวิทยานิพนธ์คุณภาพสูง และนำมาซึ่งความก้าวหน้าทางวิชาการและอาชีพ

ประวัติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ. 2484 รัฐบาลได้ตัดสินใจจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภูมิภาค แต่สงครามโลกครั้งที่สองก็ปะทุขึ้น การดำเนินการจึงหยุดลง ต่อมาเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวเชียงใหม่นำโดยนายคี และนางสาวคิม ฮอร์ นิมมานเหมินท์ เรียกร้องให้มีการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษาในภูมิภาค โดยเรียกร้องให้รัฐบาลจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเรียกร้องให้มีการเคลื่อนไหวอย่างเข้มแข็ง และส่วนหนึ่งของการสาธิตครั้งนั้นคือการแสดงความคิดเห็นและข้อเรียกร้องโดยการพิมพ์บัตรต่างๆ และแจกให้กับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ดังนี้ (12)

บัตรแสตมป์เขียนว่า “เราต้องการมหาวิทยาลัยล้านนาไทย” โดยเขียนลงบนซองพร้อมประทับตราไปรษณีย์หรือบนเอกสารทั่วไปตามที่เห็นสมควรแผนที่เขตเขียนว่า “ภาคเหนือ เราต้องการมหาวิทยาลัย” และ “โปรดสู้เพื่อมหาวิทยาลัย” “ภาคเหนือ” ตามสถานที่ต่างๆLoop Card เป็นบัตรสำหรับนักศึกษาและประชาชนทั่วไป ส่งการ์ดลูปนี้ให้ญาติ เพื่อน และคนรู้จัก แล้วแจกการ์ดลูปให้ทั่วประเทศ โดยมีข้อความว่า “พวกเราชาวภาคเหนือ เข้าใจว่าการจัดตั้งสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในล้านนาไทยมีความจำเป็นเร่งด่วน เราเชื่อว่าอนาคตและความเจริญรุ่งเรืองของล้านนาไทยขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นของเด็กล้านนาไทยทุกคน …เราจึงขอให้สัจจะปฏิญาณตนว่าเราจะสู้สุดใจ เพื่อให้ได้

มหาวิทยาลัยล้านนาไทย…”ต่อมาในปี พ.ศ. 2501 รัฐบาลได้ประกาศนโยบายการศึกษาที่จะนำไปปฏิบัติ “พัฒนาการศึกษาในภูมิภาคต่อไป” และการฝึกอบรมเพิ่มเติม” และเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2502 ได้มีการประชุมโครงการพัฒนาการศึกษาภาคภาคการศึกษาที่ 8 ที่จังหวัดเชียงใหม่ กับม.ล. ปิ่น มาลากุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ[13] เป็นประธานกรรมการ ในการประชุมครั้งนี้ คุณแม่หลวงปิ่น มาลากุล ได้บันทึกเรื่อง “การจัดตั้งมหาวิทยาลัยในภูมิภาค” ตามความต้องการของประชาชน ในที่ประชุม ได้มีการตกลงกันว่าควรจัดตั้งมหาวิทยาลัยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ …เพราะนี่คือความปรารถนาของประชาชนจริงๆ

เมื่อได้ข้อสรุปแล้ว คณะรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีมติให้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้นเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2503 [16] และแต่งตั้ง ม.ล. ปิ่น มาลากุล เป็น รมว.ศึกษาธิการ ตั้งแต่ พ.ศ. ทรงเป็นผู้นำในการจัดเตรียมการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2503 ถึง 2506 ซึ่งม.ล. ปิ่น university of chiang mai มาลากุล เรื่องการตั้งชื่อมหาวิทยาลัยในบันทึกของนายกรัฐมนตรีระบุว่า “…ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีสั่งการนี้” รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลปฏิวัติที่ให้กระทรวง สำนัก และหน่วยงานต่างๆ ปฏิวัติการทำงานตามลำดับ เพื่อจะได้ทันทุกกรณี

ถ้าเราเรียกชื่อมหาวิทยาลัยในจังหวัดเชียงใหม่แบบนี้ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มันจะเป็นการปฏิวัติ นั่นก็คือชื่อมหาวิทยาลัยที่ตั้งชื่อตามเมือง เป็นแห่งแรกในประเทศไทย ชื่อมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไพเราะมาก ขออย่าให้ใครเรียกเขาว่าอย่างอื่นเลย…”[17] เพราะมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง และเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งแรกในภูมิภาคประเทศไทยในจังหวัดเชียงใหม่จึงได้ชื่อว่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนถึงตอนนี้

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2561 พ.ศ. 2507 ตราขึ้นเมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2507 และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2507 ซึ่งมีผลใช้บังคับในวันถัดจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา พ.ศ. 2507 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ. 2507 ใช้บังคับ และเปิดเรียนครั้งแรกในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2507 และต่อมาในปี พ.ศ. 2508

university of chiang mai พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดีและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัววชิราลงกรณ์ พิธีเปิดมหาวิทยาลัยอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2508 ซึ่งประชาชนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ถือเป็นวันสถาปนามหาวิทยาลัย[19]

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พระยาศรีวิศาลวาจา (หุ่น ฮันตระกูล) อธิการบดีคนแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เชื่อกันว่าตราประทับของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ควรมีคำขวัญหรือคำพูด จึงมอบหมายให้ศาสตราจารย์แสงจันทร์งามถวายบังคมพระพุทธองค์และขอสุภาษิต พระศานโสภณ[20] เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร (สมเด็จพระสังฆราชกรมหลวงวชิรญาณสังวร) และทรงเลือกสุภาษิตพุทธว่า “อัตตานัง ดามยันติปณฑิตา” ซึ่งหมายถึงปราชญ์ทั้งหลายย่อมฝึกฝนตนเอง เป็นคำขวัญของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะกรรมการจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คำขวัญนี้ ตั้งขึ้นในตราสัญลักษณ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนถึงขณะนี้[21]

ในระยะแรกเปิดสอน 3 คณะ ซึ่งเป็นพื้นฐานของการศึกษาทุกสาขาวิชา ได้แก่ คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ ต่อมา พ.ศ. 2508 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลนครเชียงใหม่ได้ย้ายจากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยมหิดล) กลายเป็นโรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปีเดียวกันนั้นก็ได้ก่อตั้งคณะเกษตรขึ้นอีกแห่งหนึ่ง คณะศึกษาศาสตร์ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีการศึกษา พ.ศ. 2511 และในปีการศึกษา พ.ศ. 2513 ได้มีการจัดตั้งคณะใหม่ขึ้น คือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ. 2515 ได้มีการจัดตั้งคณะขึ้นอีก 3 คณะ คือ คณะทันตแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์และคณะพยาบาลศาสตร์ได้ก่อตั้งคณะวิศวกรรมศาสตร์เพิ่มเติมขึ้นในปี พ.ศ. 2518

 

บทความแนะนำ